LED By TUNTO design

โคมไฟอันนี้ออกแบบโดย Tunto Design ชาวฟินแลนด์เป็นโคมไฟแอลอีดีที่ผมคิดว่าแหวกแนวจากที่เคยพบพาน ทั้งรูปทรงและหลักคิด

การใช้งานนั้นก็แค่เสียบปลั๊กและใช้มือลูบผ่านใต้โป๊ะไฟ มันก็จะเปิด อารมณ์เดียวกับโถฉี่และอ่างล้างมือนั่นเอง

โคมไฟแบบนี้มีอยู่บ้างแต่เมื่อก่อนใช้ระบบสัมผัส เป็นโคมไฟทองเหลืองและเซรามิกตามลำดับ แต่ความแม่นยำในการเปิดปิดไม่มี มารูปแบบนี้เราสามารถเปิดปิดได้อย่างแม่นยำและที่สำคัญ “สวยมาก” วัสดุทำมาจากไม้และหลอดไฟแอลอีดี บางคนอาจแย้งว่าทำให้เสียสายตาได้ในระยะยาว ขอบอกว่าไม่ต้องกลัวเพราะเขามีเทคโนโลยีผ่านการคิดวิเคราะห์มาแล้ว

LED by Tunto design ได้รับรางวัล Reddot design 2009 เป็นเครื่องรับรองความมีมาตรฐานและคุณภาพได้เป็นอย่างดี

ส่วนสนนราคานั้นไม่แพงอย่างที่เราคิด 30 ปอนด์พอมีทอน ทุกอย่างเริ่มมาจาก {๐}

French Maid

เฟรนช์เมดเป็น Wine Caddies หรือที่ใส่ขวดไวน์นั่นเอง การออกแบบนั่นไม่สำคัญเท่ากับแรงบรรดาลใจที่ส่งผ่านออกมายังผลิตภัณฑ์นี้ ซึ่งทำให้ผู้พบเห็นหรือผู้ใช้รู้สึกถึงความเป็นส่วนหนึ่งและมีส่วนร่วมกับสถานการณ์ (การดื่มไวน์..ฮา)

ราคาเฟรนช์เมดประมาณ 68 เหรียญสหรัฐฯ หรือตกประมาณ 2,600 บาทโดยประมาณ ใครที่ชื่นชอบการดื่มไวน์คงจะยินดีจ่าย เพราะไวน์ดีมีราคาสูงกว่านี้มากนัก

Wine Caddies นี่มีหลายหลากประเภท ใครอยากรู้ว่ามีอะไรบ้างคลิ๊กไปที่ NFVProduct ที่นี่มีอะไรให้เลือกชมเลือกซื้อมากจริงๆ

ทุกอย่างเริ่มมาจาก {๐}

The GOD-B1

The GOD-B1 (Go with Dog) นี้เป็นจานอาหารสุนัข ที่คุณ Lee seung chan นักออกแบบชาวเกาหลีเป็นผู้ประดิษฐ์และคิดค้น คุณลักษณะที่พิเศษที่ทำให้ผู้ที่นิยมชมชอบเลี้ยงสุนัขหรือแมวคงจะชื่นชอบกับนวัตกรรมชิ้นนี้ของคุณลีแกน่าดู

dog_bowl

ผลงานชิ้นนี้คุณลีออกแบบเป็นสองส่วนแยกกันคือชามที่ออกสีฟ้าๆ เขียวๆ นั่นและถาดรอง ตัวถาดนี่แหละที่ทำให้คนหลายคนถูกใจเพราะเวลาที่คุณให้อาหารสัตว์เลี้ยงของคุณโดยเฉพาะสุนัข เจ้าขนปุยมันมักจะกินอย่างมูมมามจนดันชามอาหารของตนเองไปไกล แต่ด้วยความคิดของคุณลีเราจะไม่ประสบปัญหานั้นอีกต่อไป

ส่วนราคานั้นผมไม่ทราบเพราะไม่มีบอกเอาไว้ แต่คงจะไม่เกิน 100 เหรียญสหรัฐ ซึ่งไม่แพงเลยสำหรับ “ความคิด” ที่แสนมหัศจรรย์

เพราะทุกอย่างเริ่มมาจาก {๐}

Sakakura Associates

Sakakura Junso เป็นสถาปนิกและศิลปิน เขาเกิดช่วงปี 1904-1969 งานออกแบบส่วนใหญ่ถือว่าเป็นงานแนว Modern Architecture ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมมากในสมัยนั้น ผลงานที่เป็นที่ฮือฮามากในสมัยนั้นคืออาคาร Institute of Franco-Japonais De Tokyo สร้างในปี 1951 และปี 1961

franco-tokyo

ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นสถาปัตยกรรมร่วมสมัยมากในยุคนั้นและต่อมาในปัจจุบันก็ยังถือว่า “ร่วมสมัย” อยู่ Sakakura เสียชีวิตไปแล้วแต่สถาบันออกแบบที่เขาก่อตั้งยังคงอยู่และออกแบบก่อสร้างอาคารที่มีความเป็น Modern Architecture ไว้มากมายเช่น Shinjuku Washington Hotel ที่เมือง Nishi-Shinjuku นครโตเกียวในปี 1983 ซึ่งเป็นโรมแรมที่สวยและดูมีความทันสมัยมากแม้ปัจจุบัน

sakakurajunzo

นอกจากการออกแบบตัวอาคารแล้ว Sakakura Association ยังออกแบบอย่างอื่นอีกมากมายที่โดดเด่นคือสวนสารธาณะยามาชิตะที่โยโกฮามาในปี 1989

yamashitapark

แม้ตัวของศิลปินผู้สร้างแรงบรรดาลใจต่องานศิลปะและสถาปัตยกรรมจะได้จากไปแล้วแต่ผลงานและจิตวิญญาณในการสร้างสรรค์ก็สามารถถ่ายทอดและสืบต่อกันต่อๆ ไปได้ไม่รู้จบ

ทุกอย่างเริ่มมาจาก {๐}

Pumpkin Patch

อีกไม่นานก็จะถึงฮอลโลวีนแล้ว บรรยากาศช่วงนี้ก็จะเป็นปาร์ตี้และก็ปาร์ตี้เสียส่วนใหญ่ เพื่อฉลองฮอลโลวีน

และฮอลโลวีนก็ต้องคู่กับเจ้า Jack-o’-lantern หรือเจ้าฟักทองแกะสลักเป็นหน้าผีแล้วจุดเทียนไขไว้ด้านใน

pumpkinpumps

ที่ MIT มีวิชาการสอนการเป่าแก้ว และเป็นประจำตลอดช่วงเดือนกันยายนจะมีนักศึกษาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปเป่าแก้วเป็นรูปฟักทองหลากหลายเพื่ออกจำหน่ายในช่วงเดือนตุลาคม และตลอดทั้งปี การเป่าแก้วที่นี้นักศึกษาจะมาร่วมกันทำกิจกรรม ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องน่าสนุกและฝึกทักษะไปในตัว งานนี้เขาเรียกว่า  The Great Glass Pumpkin Patch เริ่มมาตั้งแต่ปี 2001 เป็นความร่วมมือระหว่าง MIT Glass Lab และ  Bay Area Glass Institute (BAGI) BAGI นี้เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร มาทำงานร่วมกับ MIT Glass Lab

MIT Glass Lab นี้สอนเรื่องการเป่าแก้วกันเป็นกิจจะลักษณะ มีหลายรูปแบบและหลากหลายผลงาน หากใครอยากชมผลงานพวกนิสิตนักศึกษา หรือเอาแนวคิดมาปรับใช้ในมหาวิทยาลัยในเมืองไทยก็เชิญได้เลย

ทุกอย่างเริ่มมาจาก {๐}

http://web.mit.edu/glasslab/sales_pumpkin.html

เก้าอี้ช่อดอกไม้

Tokujin Yoshioka Bouque Chair

เก้าอี้ตัวนี้ผู้ออกแบบคือโตคุจิน โยชิโอกะ โตคุจินนี้เป็นนักออกแบบที่ทำงานให้กับ Issey Miyaki มาก่อนและได้สร้างสรรค์ผลงานให้กับอิเส่ มิยากิมามากก่อนจะเปิดสตูดิโอเป็นของตนเองในปี 2000 ผลงานส่วนใหญ่ของโตคุจินมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ เฟอร์นิเจอร์หรืออีกร้อยแปดที่เขาผลิตขึ้นมา แต่ที่โดดเด่นคือผลงานชุด “เก้าอี้กระดาษ” หรือ Honey-Pop ที่ได้การตอบรับจากผู้คนมากมายในปี 2001 และหลังจากนั้นเขาก็ได้ออกแบบอะไรหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นโคมไฟระย้า Stardust หรือโทรศัพท์มือถือ

ผลงานที่ผมนำมาให้ชมนี้เป็นผมงานที่แตกไลน์มาจาก “เก้าอี้กระดาษ” เมื่อปี 2001 แต่ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมคือใช้กระดาษแต่เปลี่ยนเป็นทิชชู่แทน ซึ่งนักออกแบบส่วนมากไม่นิยมใช้เพราะลำบากในการใช้งานและดูแลรักษาหากออกมาผลิตจริง

bouquet

โตคุจินอายุ 41 ปี แต่เขาประสบความสำเร็จมาตั้งแต่อายุเพียง 35 ปีเท่านั้น นี่จึงเป็นแรงบรรดาลใจให้กับนักออกแบบรุ่นหลังหลายคนให้เอาเป็นแบบอย่าง

ด้วยมันสมองประกอบกับความพยายามมันย่อมนำมาซึ่งผลสำเร็จเสมอ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

เพราะว่า..ทุกอย่างเริ่มมาจาก {๐}

BookwoRm~

บุ๊คเวิร์มอาจะเป็นชื่อเกมส์ผสมตัวอักษรเพื่อฝึกทักษะทางภาษาอังกฤษของใครหลายคน แต่สำหรับ Ron Arad แล้วมันมากกว่านั้น มันเป็นหนอนหนังสือตัวเหมือนคำแปลจริงๆ

บุ๊คเวิร์มมี ๓ แบบ ๓ สีซึ่งชวนให้ใครหลายคนนึกไปถึงชั้นวางเทียนไขเมื่อแรกเห็น แต่ที่ Ron ได้ตั้งชื่อนี้ก็เห็นสมควรเพราะมันหงิกงอเหมือนหนอนแท้จริงBookworm01

ส่วนสนนราคาไม่ได้บอกแต่คาดว่าประมาณ ๑,๐๐๐ $ เป็นอย่างน้อย หากเอา ๓๗ คูณแล้วอาจจะมองว่าแพง แต่หากคิดในแง่ความพิถีพิถันและตรรกะที่มันแสดงออกมาถือว่า “ถูกมาก”

ความเป็นศิลปะไม่ได้ถ่ายทอดออกมาเป็นเพียงภาพวาดหรือเสียงดนตรีอย่างเดียว การสร้างผลงานที่มนุษย์ควรค่าแห่งการครอบครองก็ถือเป็นศิลปะที่หาค่ามิได้ หากเราเริ่มทำในสิ่งที่เราฝันคำตอบก็จะมาปรากฏเป็นรูปธรรม

ทุกอย่างเริ่มมาจาก {๐}

ขอขอบพระคุณ

Bookworm02Bookworm03

~ทรีพีส์~

ว่ากันตามจริงวันนี้เป็นวันที่คนหลายคนต้องเขียนเรื่องราวที่ทำท่าจะติดตลาดคือ “สภาวะโลกร้อน” เพราะเป็น “ธีม” และ “โพเอ็ม” ของวันบล็อกแอคชั่นเดย์ แต่ผมได้เขียนไปในบล็อกอื่นแล้วเพราะฉะนั้นหมดมุขที่จะเขียนอีก แต่ก็ขอตะโกนว่า “ช่วยกันรักโลก!!!!” ก็แล้วกัน

Treepees จะมีความหมายว่าต้นไม่ฉี่หรือฉี่จากต้นไม่หรือเปล่าไม่แน่ใจแต่มันเป็นชื่อยี่ห้ออะไรที่ดูเหมือนเต้นท์

treepee-1

มันดูตลกและมันดู “แหวก” ควมคิดสร้างสรรค์นี้มาจากนักออกแบบที่ไม่ต้องการให้ตัวเอง “สัมผัส” พื้นดินและคงจะมีความสุขหากได้ล่องลอยอยู่ในอากาศเหมือนเช่นที่ว่า เต็นท์อันนี้มี 3 สีคือชมพู น้ำตาลอย่างในรูปนี่และสีเขียว สีเขียวและน้ำตาลอาจเข้ากับธรรมชาติแต่สีชมพู นี่ผมคิดว่าคง “ประท้วง” มากกว่า

ราคาของเจ้าเต็นท์นี่ 600$ หากใครสนใจหาตามร้านค้าออนไลน์ได้ และหากใครช่างสังเกตนิดหนึ่ง (เหมือนผม) ก็จะเห็นว่ามันมีการตรึงหมุดไว้กับพื้นทั้งสี่ด้านเพื่อป้องกันการ “โยกเยก แกว่งไกว” ผู้เขียนขอแนะนำว่าหากซื้อมาแล้วลองไม่ต้องตอกหมุดดูท่านอาจจะคิดว่าตัวเองเมากัญชาอยู่ก็เป็นได้

ความคิดสร้างสรรค์ไม่หยุดนิ่ง เราจะเห็นได้ว่าเราสร้างสิ่งใหม่ๆ ได้ตลอด ไม่ต้องเกิดก่อนหรือ ทำก่อน เพียงขอแค่ให้เริ่มคิดและทำ

Treepees: Ground-Dwelling Tents Are Lame. ทรีพีส์ : เต็นท์แบบเดิมๆ ชิดซ้ายไปเลย

ทุกอย่างเริ่มจาก {๐}

ขอบพระคุณ http://www.geekologie.com/